สุขภาพ

กุญแจออกกำลังกายสั้นๆ ทำให้รู้สึกอิ่ม

ผลการศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Obesity ระบุว่า การออกกำลังกายเป็นช่วงสั้นๆ ตลอดทั้งวันอาจดีกว่าการออกกำลังกายที่กระฉับกระเฉงเพียงครั้งเดียวเพื่อทำให้สมองเชื่อว่าคุณอิ่ม นักวิจัยจากสหรัฐอเมริกาและมหาวิทยาลัย Murdoch ได้ค้นพบว่าฮอร์โมนควบคุมความอยากอาหาร Peptide YY (PYY) ผันผวนอย่างไรเมื่อออกกำลังกายเป็นช่วงๆ หรือต่อเนื่อง ทีมวิจัยได้ขอให้ผู้เข้าร่วม 11 คนไม่ออกกำลังกายในวันแรก ออกกำลังกายตอนเช้า 1 ชั่วโมงในวันที่สอง และออกกำลังกาย 5 นาที 12 ครั้งตลอดวันที่สาม เลือดถูกดึงออกมาทุกๆ 15 นาทีเพื่อประเมินฮอร์โมน และอาสาสมัครถูกขอให้ประเมินระดับความหิวของพวกเขา

นักวิจัยไม่ได้สังเกตความแตกต่างในระดับ PYY เมื่อเปรียบเทียบการออกกำลังกายทั้งสองรูปแบบ แต่ในวันที่ผู้เข้าร่วมออกกำลังกายแบบออกกำลังสั้นๆ เป็นประจำมากขึ้น พวกเขารายงานว่ารู้สึกอิ่มขึ้นถึง 32% ระหว่างเวลา 13:00 น. ถึง 15:00 น. พวกเขายังรู้สึกอิ่มมากขึ้นระหว่างเวลา 15.00 น. ถึง 17.00 น.

ทิม แฟร์ไชลด์ ผู้ร่วมวิจัยด้านการศึกษาจากโรงเรียนจิตวิทยาและการออกกำลังกายของมหาวิทยาลัยเมอร์ด็อก กล่าวว่า การออกกำลังกายเป็นเวลาสั้นๆ นำเสนอทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการรักษาน้ำหนักและการลดน้ำหนัก

“การเคลื่อนไหวร่างกายในที่ทำงานและที่บ้านเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาระดับความหิวให้อยู่ในระดับต่ำ” เขากล่าว เครื่องช่วยฟัง

แต่ไม่ใช่แค่การยืนขึ้นอีกสองสามครั้งในที่ทำงาน ดร. แฟร์ไชลด์กล่าวว่า “คุณต้องเดินเป็นเวลาห้านาทีที่ค่อนข้างยาก รองศาสตราจารย์ ทิม โครว์ จากมหาวิทยาลัยดีกิ้น กล่าวว่า งานวิจัยนี้สร้างขึ้นจากหลักฐานที่มีอยู่ว่าผู้คนรู้สึกหิวหลังออกกำลังกาย ซึ่งอาจทำให้พวกเขากินมากขึ้น “แต่ประโยชน์โดยรวมของการออกกำลังกายในการช่วยลดน้ำหนักนั้นชัดเจนว่าอยู่ทางด้านขวาของบัญชีแยกประเภท” ศาสตราจารย์โครว์ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการศึกษากล่าว “ข้อความสำคัญคือ ชาวออสเตรเลียแทบไม่มีความกระตือรือร้นเพียงพอ และสำหรับคนที่พยายามควบคุมน้ำหนัก จะต้องออกกำลังกายอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน “สำหรับคนที่ยุ่งมาก งานวิจัยล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกาย ‘ปริมาณ’ ของคุณในห้าหรือสิบนาทีเล็ก ๆ มากมายตลอดทั้งวันอาจมีประสิทธิภาพเท่ากับการขับเหงื่อออกที่โรงยิม”

David Dunstan กล่าวว่าขั้นตอนต่อไปคือการค้นหาว่าการค้นพบนี้แปลไปสู่ชีวิตการทำงานของผู้คนอย่างไร นักวิจัย “ใช้วิธีแบบความเข้มข้นปานกลางมากขึ้น ซึ่งเป็นที่ที่บางคนอาจเริ่มมีเหงื่อออกขณะออกกำลังกาย” เขากล่าว

“แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณเริ่มลดขนาดให้เหลือสิ่งที่เป็นประโยชน์และมีความหมาย? คุณสามารถไปและเดินขึ้นบันไดได้ แต่คุณจะต้องสวมชุดทำงาน” เขากล่าว “แล้วอะไรคือสิ่งที่ผู้คนสามารถเข้ากับชีวิตประจำวันของพวกเขาได้โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานมากเกินไป”

ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น โจเซฟ โปรเอเอตโต กล่าวว่าการศึกษานี้ได้รับการออกแบบมาอย่างดี แต่มีผู้เข้าร่วมเพียง 11 คน ตัวเลขดังกล่าวมีน้อย “มันจะเป็นประโยชน์ถ้ามีคนทำการศึกษาซ้ำกับวิชาอื่นๆ” เขากล่าวศาสตราจารย์ Proietto กล่าวว่าแม้ว่านักวิจัยจะตรวจสอบ PYY แต่ก็มีฮอร์โมนอื่นๆ อีกมากที่อาจส่งผลต่อความอยากอาหาร เช่น เกรลิน (ซึ่งกระตุ้นความหิว) และอินซูลิน

สุขภาพเกี่ยวกับหู

อาการหูตึง

เราเคยได้ยินคำว่าหูตึงกันมาบ้างแล้วในชีวิต แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าระดับไหนถึงเรียกว่าหูตึง เพราะในทางการแพทย์จะต้องมีการวัดระดับที่มีค่ามาตรฐานเป็นที่ตั้ง เพื่อให้สะดวกต่อการรักษา และในปัจจุบันเทคโนโลยีก็พัฒนาไปได้ไกลมาก ทำให้การตรวจรักษาเป็นได้อย่างง่ายมากขึ้น 

สำหรับระดับการได้ยินเพื่อทดสอบว่าคุณอยู่ในเกณฑ์ไหน ปกติ หรือว่าหูตึง และเมื่อเข้าข่ายว่าหูตึง คุณอยู่ในเลเวลที่เท่าไหร่ ??? มาเช็กกันค่ะ 

1.)ได้ยินเสียงพูดคุยในระดับ  0-25 เดซิเบล คือปกติ

2.)ไม่สามารถได้ยินเสียงกระซิบ  มีระดับการได้ยินที่ 26- 40 เดซิเบล คือหูตึงน้อย

3.)ไม่ได้ยินเสียงพูดในระดับปกติ  ระดับเสียงเพิ่มเป็น 41-55 เดซิเบล คือหูตึงปานกลาง

4.)ไม่ได้ยินแม้คนที่พยายามพูดเสียงดัง ต้องใช้เสียงดังระดับ 56-70 เดซิเบล คือหูตึงมาก

5.)เมื่อตะโกนก็ยังไม่ได้ยิน   ด้วยระดับเสียง 71-90 เดซิเบล คือหูตึงขั้นรุนแรง

6.)หากต้องใช้เสียงดังมากกว่า 91 เดซิเบลขึ้นไป คือหูหนวก

เมื่อตรวจสอบแล้วว่าอาการหูตึงอยู่ในระดับไหน การรักษาจะเริ่มขึ้นในทันที บางรายอาจแค่ใช้เครื่องช่วยฟัง แต่บางรายอาจต้องทำการผ่าตัด ซึ่งต้องแล้วแต่ดุลพินิจของแพทย์เฉพาะทาง และจำเป็นอย่างมากที่คนมีอาการหูตึงจะต้องได้รับการรักษา เพื่อป้องกันโรคอื่นที่อาจตามมาได้ เช่น โรคซึมเศร้า โรคเครียด เป็นต้น 

ในปกติแล้วที่พบบ่อยจะเป็นผู้สูงอายุ ที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ไม่ค่อยพบในวัยเด็กหรือวัยรุ่น เว้นแต่ว่าคุณจะอาศัยหรือมีไลฟ์สไตล์ที่อยู่ในความเสี่ยง เช่น บ้านใกล้โรงงานที่มีเสียงดัง ทำงานในสถานที่เสียงดังเกินกำหนด โดยปราศจากเครื่องมือป้องกัน ทั้งหมดนี้ทำให้คนที่อายุน้อยบางคนมีอาการหูตึงได้

สำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการหูตึง ส่วนใหญ่จะเป็นไปตามวัย มีระดับการได้ยินที่ไม่รุนแรงมาก จะเน้นที่การซื้อเครื่องช่วยฟัง เพื่อให้ง่ายต่อการใช้ชีวิต แต่สำหรับคนที่อยู่ในภาวะรุนแรงจะต้องให้แพทย์ทำการประเมินและรักษาอย่างทันท่วงที และถ้าหากว่าไม่มีทางรักษาในเรื่องร่างกายแล้ว การรักษาสภาพจิตใจจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ 

หากผู้สูงอายุได้รับการดูแลเอาใจใส่จากลูกหลานอย่างใกล้ชิด ก็จะช่วยลดภาวะความเครียดได้เป็นอย่างดี และจะทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณค่า ไม่เป็นภาระลูกหลาน และใช้ชีวิตได้โดยไม่เครียดจนเกินไป ส่วนการดูหนังดูละคร อาจะต้องหาเรื่องที่มีซับภาษาไทยมาให้ดูไปก่อน เพื่อให้ชีวิตยังคงไม่ขาดสิ่งบันเทิง 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เครื่องช่วยฟัง

เครื่องช่วยฟัง

อาการของคนที่ต้องใส่เครื่องช่วยฟัง

สำหรับคนที่ต้องใส่เครื่องช่วยฟังนั้นพวกเขามีอาการเบื้องต้นอย่างไรบ้าง

เนื่องจากบุคคลที่ต้องพึ่ง เครื่องช่วยฟัง หรืออุปกรณ์เสริมเพื่อเป็นการช่วยให้ได้ยินที่ชัดเจนขึ้นนั้นพวกเขามักมีอาการที่ทำให้หูของพวกเขานั้นเกิดการอักเสบในด้านต่างๆจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจมีดังนี้

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน

เป็นโรคที่เกิดการผิดปกติอยู่ภายในระบบของหูซึ่งอาจจะเป็นหูชั้นกลางหรืออาจจะเป็นหูชั้นในก็เป็นได้ ซึ่งอาการเหล่านี้เราจะพบกับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยที่เป็นวัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคนนั่นเอง เนื่องจากสาเหตุที่เกิดขึ้นเหล่านี้เราจึงจำเป็นต้องแก้ไขพฤติกรรมบางอย่างในการใช้ชีวิตประจำวันให้มากกว่าเดิม ซึ่งรควรหลีกเลี่ยงการเครียด ไม่ทำให้ตนเองเครียดตลอดเวลาหรือทำให้เครียดน้อนลง นอกจากการเครียดแล้วนั้นยังมีการลดการทานอาหารที่มีรสเค็มอีกด้วย เนื่องจากอาหารที่มีรสเค็มจัดและการเครียดเป็นการกระตุ้นเรื่องราวให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นปัจจัยเหล่านี้เป็นต้น

เราควรเลือกทานอาหารที่มีแต่ประโยชน์ งดอาหารที่มีความเค็มหรือหวานจัด ไม่ควรดื่มกาแฟ หรือช็อกโกแลต และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนใดๆทั้งสิ้น นอกจากนั้นควรงดหรือลดจำนวนในการสูบบุหรี่ให้น้อยลง และที่สำคัญควรไม่ดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์มากนัก

การเกิดสภาวะหินปูนในหูหลุด

สำหรับอาการที่เกี่ยวข้องนั้นเป็นการผลึกแคลเซียมที่มีอยู่ชั้นในของหู อาการเหล่านี้จะช่วยในการทรงตัวหากมีการเคลื่อนตัวหรือมีการผิดปกติก็จะทำให้เกิดอาการแปลกๆในการทรงตัวของเราหรือเกิดบ้านหมุนได้นั่นเอง

หากมีการไม่ทำการรักษาแต่มันก็จะละลายหายไปเองได้เช่นกัน เนื่องจากมันไม่ได้ร้ายแรงมาก แต่หากมีอาการที่ร้ายแรงขึ้นกว่าเดิมควรปพบแพทย์ในทันที

อาการที่เกิดการหูดับ

อาการหูดับนั้นส่วนมากจะพบกันบุคคลที่ชอบทานอาหารที่ไม่สุกทุกๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทไหนก็ตามหากทานที่ไม่สุกแล้วล้วนก่อให้เกิดอาการเหล่านี้ได้เช่นกัน ซึ่งไม่แปลกที่บุคคลเหล่านั้นเวลามีอาหารหุดับมักจะไม่ทราบที่มาเพราะพวกเขาไม่ค่อยรู้วิธีการทานอาหารอย่างถูกต้องนั่นเอง 

อาการที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการหูดับนี้จะเป็นการติดเชื้อโดยจะมีการติดเชื้อลามไปยังกระแสเลือดหรืออาจเกิดจากการเป็นหูน้ำหนวกแล้วลามไปติดเชื้อที่หูส่วนอื่นๆก็เป็นได้ หากเป็นขั้นรุนแรงควรไปทำการรักษาให้ถูกวิธีเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลามไปเป็นมากกว่าเดิมและอาจจะก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงโดยการเป็นคนหูหนวก หากหูหนวกแล้วเราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลยนะ