สุขภาพ

ความเครียด การเกิดภาวะความเครียดโดยที่ตัวเราเองนั้นอาจจะไม่รู้ตัว

สำหรับในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงปัญหาที่ทุกคนมักจะเจอกันบ่อยไม่ใช่เพียงแค่คนไทยเท่านั้นที่เจอกับปัญหานี้และเป็นปัญหาที่เรามองว่าสามารถแก้ไขได้ง่ายมากและเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราได้บ่อยมากแต่กับสามารถสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงให้กับคนที่เกิดปัญหานี้ได้มากเช่นเดียวกันโดยปัญหาดังกล่าวนั้นก็คือปัญหาภาวะความเครียด

สำหรับปัญหาภาวะความเครียดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย  ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือคนทำงาน

หรือแม้แต่คนชราก็ตามหรือแม้แต่เด็กๆเองก็สามารถเกิดความเครียดได้เช่นเดียวกันซึ่งบางครั้งความเครียดนั้น หลายคนที่เกิดความเครียดนั้นอาจจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีภาวะความเครียดก็มีเช่นเดียวกัน

โดยความเครียดนั้นเราสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งวันแม้แต่ช่วงเวลาที่เราพักผ่อนหย่อนใจอย่างเช่นเราอ่านหนังสือหรือดูทีวีบางครั้งเราก็สามารถเกิดความเครียดได้เช่นเมื่อเรามีการอ่านหนังสือแล้วเจอบทสนทนาที่เป็นบทที่มีดราม่าสูงหากเราใส่ความสนใจในบทสนทนานั้นมากจนเกินไป

ก็อาจจะเครียดตามบทสนทนาในหนังสือก็ได้เช่นเดียวกันหรือแม้แต่การที่เราชมทีวีเช่นการชมข่าวสารต่างๆเมื่อเห็นมีการฆาตกรรมหรือการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นหลายครั้งที่คนที่ได้เห็นเหตุการณ์เหล่านี้ผ่านทางสื่อทีวีก็เกิดภาวะความเครียดโดยที่ตัวเราเองนั้นอาจจะไม่รู้ตัวเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้เรามักจะเห็นว่าสภาวะและสิ่งแวดล้อมที่ผู้คนอาศัยอยู่นั้น ยังส่งผลต่อความเครียดเป็นอย่างมาก

และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความเครียดส่งผลรุนแรงต่อคนที่เป็น เช่น บางคนมีความเครียดที่เกิดจากหนี้สิน  หาเงินไม่พอใช้กับรายจ่ายก็จะมีความเครียดอยู่แล้วแต่ถ้าเจอสภาวะแวดล้อมที่คนในครอบครัวต่างก็พยายามที่จะมาขอเงินหรือแม้แต่เจ้าหนี้มาติดตามทวงเงินด้วยสภาวะแวดล้อมแบบนี้นี่เอง

ที่ทำให้คนที่มีความเครียดเรื่องของการหาเงินไม่ทันใช้นั้นเครียดมากขึ้นไปอีกและผลที่ตามมานั้นก็รุนแรงมากเพราะบางคนนั้นอาจจะตัดสินใจที่จะจบชีวิตของตัวเอง เพื่อหนีปัญหานั่นเอง 

อย่างไรก็ตามหากใครที่กำลังอยู่ในภาวะของความเครียด คุณสามารถเตรียมความพร้อม ให้กับตนเองในการที่จะรับมือกับปัญหาดังกล่าวได้ เพื่อที่จะได้ช่วยให้ชีวิตนั้นดีขึ้นและตกอยู่ในภาวะความเครียดลดน้อยลงโดยคุณสามารถที่จะทำการเลิกสนใจในเรื่องที่ไม่มีความจำเป็น  เราไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจกับเรื่องทุกอย่าง

ถ้าหากว่าบางครั้งไม่ใช่เรื่องของเรา และยอมรับกับเรื่องราวต่างๆให้ง่ายเพราะเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงกับเรื่องทุกอย่างได้และค่อยๆพยายามหาวิธีในการแก้ไขปัญหา หากเรามีสติและสมาธิเราก็จะสามารถที่จะลดภาวะความเครียดได้

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ

สุขภาพ

อาการนอนไม่หลับ ถือว่าเป็นโรคหรือไม่

การที่คุณมีปัญหาในการหลับหรือมีอาการนอนไม่หลับไม่จำเป็นต้องถือว่าเป็นโรคทันที การนอนไม่หลับหรือมีปัญหาในการหลับนั้นอาจเกิดจากหลายสาเหตุที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรงเสมอไป บางครั้งอาการนอนไม่หลับนั้นอาจเป็นผลมาจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อม (environmental factors) หรือพฤติกรรมการนอน (sleep hygiene) ที่ไม่เหมาะสมกับร่างกายของคุณ เช่น การดื่มกาแฟหรือชาก่อนนอน การใช้สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ในเวลาก่อนนอน หรือการทานอาหารหนักในช่วงเย็น

อย่างไรก็ตาม ถ้าปัญหาการนอนไม่หลับนี้ต่อเนื่องนานและมีผลกระทบต่อคุณทั้งทางร่างกายและจิตใจ ควรพบแพทย์เพื่อการประเมินและคำแนะนำทางการแพทย์ แพทย์อาจจะต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติการนอนของคุณ และอาจต้องส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวชหรือนักสงขลาเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

การรักษาอาการนอนไม่หลับอาจมีหลายทาง รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน การใช้วิธีการผ่อนคลาย หรือการใช้ยานอน ขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหานอนไม่หลับของคุณ

วิธีการแก้ไขอาการนอนไม่หลับมีอะไรบ้าง

การแก้ไขอาการนอนไม่หลับสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนและตัวแบบการดูแลตัวเอง  เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก     นี่คือบางวิธีที่อาจช่วยลดอาการนอนไม่หลับ

1.ตั้งเวลานอนและตื่นไปที่เวลาเดิมทุกวัน: พยายามรักษาการนอนในตารางเวลาที่เหมาะสมเพื่อช่วยปรับจัดระบบการนอนของร่างกาย

2.สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการนอน: ทำให้ห้องนอนมีความเงียบสงบ มืด และเย็น ใช้ผ้าม่านหรือหน้าจอเพื่อป้องกันแสง

3.ลดการใช้สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ก่อนนอน: แสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อาจทำให้ร่างกายผลัดรอบการผลิตมลภาวะเพื่อนอน

4.ลดการดื่มกาแฟ ชา และสื่อรสชาติที่มีคาเฟอีนในช่วงบ่ายถึงเย็น: คาเฟอีนเป็นสารที่สามารถกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสได้

5.ออกกำลังกาย: การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยลดความเครียดและช่วยให้นอนหลับขึ้น

6.นอนในท่าที่สบาย: ลองท่านอนที่ทำให้คุณรู้สึกสบาย เช่น ท่าที่หลับตะแคงหรือท่าก้มหลับ

7.ลดการดึงเวลานอน: หากไม่สามารถหลับได้ภายใน 20-30 นาที, ลองออกจากเตียงและทำกิจกรรมที่ทำให้คุณผ่อนคลาย ก่อนที่จะลองนอนอีกครั้ง

ถ้าคุณมีปัญหานอนไม่หลับเป็นเวลานานหรือมีผลกระทบต่อคุณทั้งร่างกายและจิตใจ ควรพบแพทย์เพื่อประเมินและรับคำแนะนำเพิ่มเติม แพทย์อาจจะต้องทำการตรวจสุขภาพทั่วไปและพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อสภาพของคุณ

หากนอนไม่หลับบ่อยๆเป็นเวลานานส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไร

การนอนไม่หลับบ่อยๆ และเป็นเวลานานอาจมีผลเสียต่อร่างกายและสุขภาพได้มากมาย. นอนไม่หลับเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบร่างกายและจิตใจดังนี้

1.ความเมื่อยล้าและหงุดหงิด: การนอนไม่พออาจทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิด และขาดความพลุ่งพล่านในกิจวัตรประจำวัน

2.ลดประสิทธิภาพทางการทำงาน: การนอนไม่พอสามารถทำให้ความสามารถในการแก้ปัญหาการตัดสินใจ และประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

3.ผลกระทบต่อน้ำหนัก: การนอนไม่พอสามารถทำให้เป็นตัวกระตุ้นให้คุณมีความหิวมากขึ้น นอนน้อยลง และเพิ่มความเครียดที่ส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนัก

การพนันออนไลน์

สามารถเข้าถึงการพนันทุกประเภทได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส

ภรรยาของเขาอยู่กับเขา และชายคนนั้นก็ติดตั้งแอปต่อต้านการพนันบนโทรศัพท์เพื่อพยายามหยุดตัวเองจากการพนันออนไลน์ ชายคนนี้ยังเข้าร่วมกับ Gamblers Anonymous

ซึ่งเขารู้สึกตกใจกับจำนวนคนหนุ่มสาวที่เขาพบที่นั่น “ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้เห็นคนหนุ่มสาวอายุ 20 ปีเหล่านี้เข้ามา” เขากล่าว “มันน่าสลดใจมาก” นิค อายุ 21 ปีในแคลิฟอร์เนีย เป็นหนึ่งในคนหนุ่มสาวเหล่านั้น เขาเล่นการพนันครั้งแรกเมื่อยังเป็นวัยรุ่น เมื่อเขาไปเยี่ยมครอบครัวที่ชายฝั่งตะวันออก

และลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของเขาแนะนำให้เขาเล่นการพนันกีฬาออนไลน์ที่ถูกกฎหมาย นิคยังไม่โตพอที่จะเล่นการพนัน

แต่เขาพบว่ามันง่ายพอที่จะหลีกเลี่ยงระบบที่บริษัทต่างๆ สร้างขึ้น “มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะสร้างบัญชีโดยใช้ชื่อพ่อของฉัน” เขากล่าว เมื่อตอนที่เขาอยู่มัธยมปลาย นิคเล่นการพนันบนแล็ปท็อปของเขาในชั้นเรียน จากนั้นเมื่อเขาเข้ามหาวิทยาลัย

สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาย้ายจากการพนันกีฬาออนไลน์มาเป็นเจ้ามือรับแทงม้าที่เขาสามารถส่งข้อความได้ตลอดเวลา

“สำหรับฉันแล้ว การได้นอนเล่นโทรศัพท์และเล่นการพนัน  Hoiana Casino   ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุด” นิคกล่าว “ฉันไม่สามารถกำจัดโทรศัพท์ของฉันได้” “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันเห็นคนหนุ่มสาวอายุ 20 ปีเหล่านี้เข้ามา” สมาชิกคนหนึ่งของ Gamblers Anonymous กล่าว เขาจะอยู่ถึงตี 4 เล่นโทรศัพท์แล้วไปเรียนตอน 8 โมงเช้า

เขาได้รับเกรดเฉลี่ย 2.2 เกรดเฉลี่ยในภาคการศึกษาแรกของวิทยาลัย เมื่อในที่สุด Nick ก็ตระหนักว่าเขามีปัญหาและเข้าร่วมกับ Gamblers Anonymous เขาเป็นหนึ่งในคนที่อายุน้อยที่สุดที่นั่น

เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแตกต่างจากผู้อาวุโสกว่าที่เขาพบเจอ ประการหนึ่ง เขาไม่เคยเข้าคาสิโนมาก่อน ซึ่งไม่เหมือนกับหลายๆ คน

Keith Whyte ผู้อำนวยการบริหารของ National Council on Problem Gambling ดึงหน้าจากสื่อสังคมออนไลน์และเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์มาใช้กลยุทธ์ “การตลาดเชิงรุกอย่างมาก” ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากสำหรับนักพนันที่มีปัญหาในการหลบหนี ตัวอย่างเช่นการรวบรวมข้อมูลของบุคคลที่สามช่วยให้อุตสาหกรรมการพนันสามารถสร้างข้อเสนอที่ดึงดูดใจและปรับแต่งได้

ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ผู้คนกลับมาและใช้จ่ายมากขึ้น เขากล่าว การศึกษาจำนวนมากระบุว่าการติดโทรศัพท์แพร่หลายในสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี แต่ยังไม่มีแม้แต่กรอบแนวคิดที่ชัดเจนและตกลงร่วมกันในการวิเคราะห์ปัญหาการพนันในยุคโทรศัพท์มือถือ ในปี 2013

สมาคมจิตแพทย์อเมริกันจัดประเภทโรคติดการพนันใหม่เป็น “คล้ายกับความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติด” ในคู่มือการวินิจฉัยและสถิติของความผิดปกติทางจิต

แต่ก็ยังเสนอความผิดปกติในการเล่นเกมทางอินเทอร์เน็ตเพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ว่าเป็นความผิดปกติที่แตกต่างออกไป และอ้างถึงความจำเป็นในการวิจัยเพิ่มเติม Trautman จิตแพทย์ที่รักษาผู้ที่เป็นโรคติดการพนันกล่าวถึงการพนันออนไลน์ว่า “ความจริงที่ว่ามันอยู่ในโทรศัพท์นั้นสำคัญมากในการบ่มเพาะโรคเสพติด”

สุขภาพ

เปิดเคล็ดลับพฤติกรรมกินอย่างไรไม่ให้แก่เร็ว

รู้หรือไม่ว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มีพฤติกรรมการทำลายสุขภาพร่างกายของตนเองรวมไปจนถึงมักที่จะมีนิสัยไหน การกินที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายร่วมไปถึงเซลล์ภายในร่างกายที่อาจทำให้บางคนนั้นแก่กว่าวัยได้ ซึ่งแน่นอนว่าการที่หน้าของเรามีรอยย่น แห้งไม่มีน้ำมีนวล

อาจจะทำให้บางคนเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตไปเลยก็ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามบางคนก็อาจจะไม่รู้ว่าตนเองมักที่จะมีนิสัยหรือมีพฤติกรรมที่มักจะทำอยู่บ่อยๆจนส่งผลให้เรานั้นดูแก่กว่าวัยได้ ซึ่งแน่นอนว่าในสมัยปัจจุบันนี้การที่เรามีรูปร่างที่ดีหรือการมีสุขภาพร่างกายที่ดี

นั้นถือเป็น หนึ่ง ในปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและเพิ่มบุคลิกภาพในการใช้ชีวิตให้กับหลายๆคนได้ เราจึงจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่มักที่จะมองหาสิ่งที่สามารถ ช่วยกระตุ้นเซลล์ภายในร่างกายให้ดูอ่อนกว่าวัย

เปิดเคล็ดลับพฤติกรรมกิน ทำให้รูปร่างของตนเองดูดีอยู่เสมอรวมไปจนถึงเลือกทานอาหารเสริมหรือเลือกทานอาหารที่สามารถทำให้ตนเองนั้นดูเด็กลงได้

ฉะนั้นเชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักที่จะมองหาวิธีที่จะทำให้ตนเองนั้นดูอ่อนกว่าวัยกันอยู่อย่างแน่นอนซึ่งวันนี้เราก็จะมาเปิดเคล็ดลับ พฤติกรรมที่เราควร ทานอาหารอย่างไรเพื่อไม่ให้เราแก่เร็วหรือ มีริ้วรอยบนใบหน้าได้เร็ว จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปดูกันเลย จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

เน้นทานอาหารที่มีไฟเบอร์ นอกจากไฟเบอร์จะสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วรู้หรือไม่ว่าหากเราเน้นทานอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่ค่อนข้างสูงเป็นประจำถือเป็น หนึ่ง ในตัวช่วยดีๆที่จะทำให้เรานั้นดูอ่อนกว่าวัยและไม่ดูแก่เร็ว เพราะการที่ร่างกายของเราได้รับไฟเบอร์หรือใยอาหารที่เพียงพอ จะสามารถช่วยต้านการอักเสบของร่างกาย ทั้งยังช่วยชะลอวัย และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้าย เมื่อเราอายุมากขึ้นได้อีกด้วย

การทานอาหารจากพืช หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการที่เราเลือกทานอาหารจากพืชถือเป็น หนึ่ง ในตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยต้านความชราของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังช่วยต้านการอักเสบช่วยลดน้ำหนัก และช่วยคงความสมดุลของ โลหิตในเลือดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ยิ่งถ้าเรามันทานเป็นประจำ จะสามารถช่วยต้านการเกิดริ้วรอยและช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าของเราได้เป็นอย่างดี

ควรงดอาหารแปรรูป หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าอาหารแปรรูปนั้นเป็นอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์หรือไม่ดีต่อสุขภาพยิ่งถ้าเราทานเยอะๆอาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราได้ ฉะนั้น หากใครที่ไม่อยากให้ตนเองนั้นดูแก่กว่าวัย หรือมีริ้วรอยบนใบหน้า การที่เรางดทานอาหารแปรรูป และเลือกทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์สดใหม่ ถือเป็น หนึ่ง ในตัวช่วยดีๆที่เราไม่ควรมอง

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

สุขภาพ

เปิด 3 วิธีการออกกำลังกายที่ดีที่สุดโดยไม่เน้นอุปกรณ์

การออกกำลังกาย เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มีความสำคัญต่อร่างกาย และการดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบไหนก็ตาม ย่อมมีความสำคัญต่อร่างกายของเราทั้งนั้น เนื่องการออกกำลังกายเป็นกิจกรรมที่สามารถช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้ ช่วยป้องกันร่างกายของเราจากการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้อีกด้วย

เราจึงจะเห็นได้ว่า คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน หรือวัยไหนก็ตาม เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายกันมากขึ้น

แถมในสมัยนี้ก็ยังมีรูปแบบการออกกำลังกายมากมายอีกด้วย ซึ่งขอบอกเลยว่าการออกกำลังกายในแต่ละรูปแบบนั้นก็อาจจะเหมาะสมตามวัย แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นหันมาดูแลสุขภาพร่างกาย และกำลังมองหาการออกกำลังกายที่เหมาะสม

โดยไม่เน้นการใช้อุปกรณ์ และแน่นอนว่าในสมัยนี้มีการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบมาก ๆ ที่ไม่เน้นการใช้อุปกรณ์ ซึ่งหากใครที่ไม่ชอบในใช้อุปกรณ์ในการออกกำลังกายก็ถือว่าเหมาะมาก ๆ

ฉะนั้น วันนี้เราจะมาแนะนำการออกกำลังกายที่มีรูปแบบในการเล่นโดยไม่เน้นการใช้อุปกรณ์ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

  • การเล่นโยคะ แน่นอนว่าการออกกำลังกายในรูปแบบนี้

เหมาะสมสำหรับทุกเพศทุกวัยมาก ๆ แถมยังไม่เน้นการใช้อุปกรณ์ในการเล่นอีกด้วย เพราะการออกกำลังกายในรูปแบบนี้จะเน้นไปที่การใช้กล้ามเนื้อ เป็นการยืดเส้นยืดสาย เพื่อให้ร่างกายเกิดความยืดหยุ่น กระฉับกระเฉ่งมากขึ้น  แถมยังช่วยให้ร่างกายของเรานั้นรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย รับรองได้เลยว่าการออกกำลังกายในรูปแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่เน้นการใช้อุปกรณ์แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย 

  • การเล่นไทชิ หรือที่หลายคนคุ้นเคยกันคือ การเล่นไทเก๊ก

ซึ่งการออกกำลังกายในรูปแบบนี้เป็นการออกกำลังกายที่ไม่เน้นการใช้อุปกรณ์ แต่จะเป็นการใช้สมาธิเป็นหลักในการเล่น ซึ่งก็ถือว่าดีต่อสุขภาพมาก ๆ เพราะสามารถช่วยฝึกสมาธิ ทำให้จิตใจของเรารู้สึกผ่อนคลายได้ เนื่องจากการออกกำลังกายในรูปแบบนี้จะเป็นการเคลื่อนไหวร่างกายไปตามจังหวะอย่างช้า ๆ จึสามารถช่วยฝึกการทรงตัว และทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้ 

  • การเดิน รู้หรือไม่ว่า การเดินก็เป็นหนึ่งในรูปแบบ

การออกกำลังกายที่ดีต่อร่างกายของเราเช่นกัน แถมยังไม่ต้องใช้อุปกรณ์ในการเล่นอีกด้วย  www.hoiana-exclusivex.com   เพราะเราสามารถทำได้ในการใช้ชีวิตประจำวัน หากใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง การเดินเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สามารถสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายได้ แถมยังดีต่อข้อต่อร่างกายอีกด้วย

สุขภาพ

3 วิธีป้องกันโรคคอมพิวเตอร์ออฟฟิศซินโดรม

เนื่องจากโลกของเราในสมัยปัจจุบันนี้ จำเป็นที่จะต้องขับเคลื่อนด้วยการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาะโลกออนไลน์ หรือแม้แต่การสื่อสารต่าง ๆ ผ่านทางออนไลน์ ซึ่งในสมัยนี้ก็มีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตของเราเป็นอย่างมาก หรือเรียกได้ว่าขาดไม่ได้

เพราะบางคนก็จำเป็นที่จะต้องทำงาน ค้าขาย ทำธุรกิจต่าง ๆ หรือแม้แต่การเรียนการผ่านทางออนไลน์เองก็ตาม แต่รู้หรือไม่ว่า การสื่อสารทางออนไลน์ที่หลาย ๆ คนให้ความสำคัญอยู่ในสมัยนี้ บางทีหากเราใช้งานมันมากเกินไปก็อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราได้

ซึ่งอาจจะทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายอย่างโรคคอมพิวเตอร์ซินโดรมได้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโรคที่อาจเกิดขึ้นได้จากการที่เราใช้งานสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การสื่อสารอื่น ๆ

ที่อาจส่งผลกระทบได้ โดยจะยิ่งทำให้ดวงตาของเราได้รับผลกระทบ จนก่อให้เกิดอาการตาแห้ง ปวดเมื่อยตามดวงตา รวมไปถึงอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้ ดังนั้น ไม่ว่าเทคโนโลยีที่เราใช้จะมีความสำคัญและจำเป็นมากขนาดไหนก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องใช้มันอย่างเหมาะสม

เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย และเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้าย ฉะนั้น วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยป้องกันการเกิดโรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม จะมีวีไหนกันบ้างไปดูกันเลย 

การปรับหน้าจอคอม สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้เลยก็คือ การที่เราปรับปริมาณแสงหน้าจอคอมให้มีความเหมาะสม โดยที่เราไม่แสบตามากจนเกินไป รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนสีของข้อความ พื้นหลัง เพื่อให้เรานั้นมองได้อย่างสบายตานั่นเอง 

การพักผ่อนสายตาอยู่เสมอ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ เราควรที่จะพักสายตาเมื่อเรารู้สึกว่าดวงตากำลังล้า หรือเกิดการระคายเคือง ซึ่งทางที่ดีเราควรที่จะพักสายตาประมาณ 20 นาที เพื่อเป็นการงดใช้งานตา เพื่อให้สายตาของเรานั้นกลับมาใช้งานดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม 

การเลือกใช้แว่นตา เมื่อไหร่ก็ตามที่เราใช้งานดวงตาอย่างหนัก นอกจากจะทำให้ดวงตาของเราเกิดอาการล้าแล้ว ยังอาจทำให้สายตาของเราสั้นลงได้ ฉะนั้น ทางที่ดี ควรที่จะเลือกใช้แว่นสายตาที่มีความเหมาะสมกับดวงตาของเรามากที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยถนอมสายตาแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคร้ายที่เกี่ยวกับดวงตาได้อีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน 

สุขภาพ

3 อาหารที่เด็กแรกเกิดควรเลี่ยงอย่างเด็ดขาด

สมัยปัจจุบันนี้เรื่องของาหารการกิน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กแรกเกิด เราต้องให้ความสำคัญในเรื่องของโภชนาการเป็นอย่างดี ซึ่งผู้ปกครองก็ควรที่จะศึกษาในเรื่องของอาหาร เพราะเด็กแรกเกิดถือเป็นช่วงวัยที่เราควรให้ความสำคัญ

เนื่องจากเป็นช่วงอายุที่ลำบากมากพอสมควรในเรื่องของร่างกาย ยิ่งถ้าใครที่เป็นพ่อแม่มือใหม่ ยิ่งต้องให้ความสำคัญกันเป็นอย่างดี

โดยปกติแล้วเราจะเห็นได้ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองมือใหม่มักที่จะไม่รู้จักวิธีการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของเด็ก ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของอาหาร ฉะนั้น สำหรับใครที่กำลังเป็นพ่อแม่มือใหม่ วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่าเด็กแรกเกิดควร หรือไม่ควรเลือกรับประทานอาหารในรูปแบบไหน เผื่อว่าพ่อแม่มือใหม่อยากที่จะดูแลลูก ๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น จะมีอาหารที่เด็กแรกเกิดประเภทไหนบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด หากไม่อยากให้ลูกนั้นมีสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง ไปดูกันเลย

  • ข้าวบดควรหลีกเลี่ยง

พ่อแม่ส่วนใหญ่อาจจะมองว่าเด็กแรกเกิดเหมาะกับการรับประทานอาหารบดมากที่สุด แต่รู้หรือไม่ว่า ข้าวบด หากเป็นเด็กแรกเกิดนั้นไม่ควรกินอย่างเด็ดขาด เพราะร่างกายของเด็กนั้นอาจจะยังไม่พร้อม เพราะอาหารประเภทนี้ถือเป็นอาหารที่สามารถให้โทษแก่เด็ก ๆ ได้ ซึ่งแน่นอนว่าอาจส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารได้ เพราะเด็กแรกเกิดส่วนใหญ่จะมีสุขภาพร่างกายที่ไม่พร้อมสำหรับการทานข้าวบดนั่นเอง  

  • น้ำส้ม

ถึงแม้ว่าน้ำส้มจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรามากขนาดไหน หรือมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายได้ แต่รู้หรือไม่ว่าสำหรับเด็ก ๆ แรกเกิดก็ไม่เหมาะที่จะเลือกดื่มอย่างเด็ดขาด เพราะอาจจะยังไม่ถึงเวลาในการดื่ม เนื่องจากน้ำส้มนั้นลำไส้ของเด็กแรกเกิดอาจจะยังไม่พร้อมรับ เราจึงไม่ควรที่จะเลือกสิ่งนี้ให้เด็กแรกเกิดทาน 

  • น้ำผึ้ง

เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นสิ่งดี และมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะน้ำส้มนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่ดี ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายค่อนข้างเยอะ แต่รู้หรือไม่ว่าหากเราให้เด็กแรกเกิดทาน เพราะน้ำผึ้งส่วนใหญ่จะมีแบคทีเรียปนเปื้อนซึ่งอาจจะทำให้ร่างกายของเด็กแรกเกิดนั้นมีเชื้อโรคได้ แถมระบบย่อยอาหารของเด็กนั้นยังไม่ค่อยจะดี

ซึ่งอาจทำให้ร่างกายของเด็กเกิดอาการแพ้ จนถึงขั้นอาจเสียชีวิตลงได้นั่นเอง ฉะนั้น ทางที่ดี เราควรที่จะให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายของเด็ก ๆ ให้ดี เพื่อที่จะได้ทำให้ร่างกายของเด็กแรกเกิดมีร่างกายที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น 

 

สนับสนุนโดย  ถ่านเครื่องช่วยฟัง

สุขภาพ

เส้นทางข้างหน้าของ Hospital-at-Home ในเอเชีย

สรุปมุมมองและข้อมูลเชิงลึกที่นำเสนอที่ Hospital@Home Asia 2023 ครอบคลุมแนวโน้ม การพัฒนา และขั้นตอนต่อไปสำหรับรูปแบบการดูแลแบบใหม่นี้ ในขณะที่การประชุม Hospital@Home Asia ครั้งแรกในปี 2565 มีจุดมุ่งหมายเพื่อแนะนำและจุดประกายการอภิปรายเกี่ยวกับรูปแบบการดูแล Hospital-at-Home (HaH) รูปแบบใหม่

การประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้ได้ขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ต่อไป โดยเปลี่ยนจุดเน้นไปที่การดำเนินการตามกลยุทธ์และนโยบายสำหรับ การเติบโตอย่างยั่งยืนของโมเดลในอนาคต

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สิงคโปร์ได้ประกาศการขยายโครงการนำร่อง Mobile In Patient Care-at-Home (MIC@Home) ไปยังโรงพยาบาลของรัฐอีก 4 แห่ง ส่งผลให้จำนวนโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 7 แห่ง นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนเมษายน 2565

จนถึงเดือนมิถุนายน 2566 มีผู้ป่วยประมาณ 1,000 รายที่ลงทะเบียนในโครงการนี้ ส่งผลให้สามารถประหยัดเวลาได้ประมาณ 7,000 วันนอน

นี่เป็นการพัฒนาที่สำคัญสำหรับสิงคโปร์และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ภูมิภาคนี้เผชิญกับความต้องการการดูแลที่เพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากจำนวนประชากรสูงวัยและอัตราโรคไม่ติดต่อที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางปัจจัยอื่นๆ วิทยากรในงาน HaH 2023 เน้นย้ำว่า HaH ส่วนหนึ่งขับเคลื่อนด้วยความจำเป็น

เนื่องจากการสร้างโรงพยาบาลเพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเพียงอย่างเดียว รองศาสตราจารย์ Michael Montalto หัวหน้าแพทย์ของโรงพยาบาลในแผนก Home Unit ของโรงพยาบาล Epworth ในออสเตรเลีย เน้นย้ำว่าโรงพยาบาลทางกายภาพขนาด 500 เตียงแห่งใหม่สามารถใช้งบประมาณในการสร้างสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

หรือเกือบ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเตียง นี่ยังไม่รวมถึงจำนวนที่ดินที่โรงพยาบาลต้องการ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่หายากสำหรับประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์

การกระจายการดูแลไปยังชุมชนและบ้านของผู้ป่วยจะช่วยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การส่งมอบการดูแลครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าออสเตรเลียจะเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิก Hospital at Home แต่ “ต้องใช้เวลา 20 ปีกว่าจะได้ 3.7% ของการรับผู้ป่วยหลายวัน

และ 8% ของจำนวนวันนอนในโรงพยาบาลของรัฐที่สำคัญๆ ทุกแห่ง” ศาสตราจารย์มอนตัลโตกล่าว เนื่องจากเป็นแนวคิดใหม่ในเชิงองค์กรและทางคลินิก จึงขาดประสบการณ์การบริหารจัดการและวัฒนธรรมทางการแพทย์ที่เป็นที่ยอมรับ เขาชี้ให้เห็น ความท้าทายอื่นๆ  เครื่องช่วยฟังอย่างดี   อยู่ที่การรับรู้ของผู้ป่วยและโครงสร้างการจ่ายเงินชดเชย

เรียกร้องให้มีความร่วมมือและความร่วมมือทั่วทั้งชุมชน HaH ดร.มอนตัลโต ผู้ซึ่งเสนอแนะการพัฒนาสังคม HaH ระดับชาติและวารสารเฉพาะด้านเพื่อการแบ่งปันและการเรียนรู้กล่าวว่าการทำงานร่วมกันทั่วทั้งชุมชนจะช่วยได้ วิทยากรจากโรงพยาบาลในสิงคโปร์ที่เข้าร่วมรายการ MIC@Home กล่าวถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิดที่จำเป็น

ระหว่างหน่วยงาน Hospital at Home ศัลยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพพันธมิตร และนักสังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์ และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อปรับเป้าหมายและการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการมอบบริการที่ราบรื่น การดูแลผู้ป่วยอย่างมีคุณภาพ

ความร่วมมือเหล่านี้ยังขยายไปถึงผู้ให้บริการดูแลเอกชน เช่น Speedoc และ Minmed พวกเขาสามารถเสริมทีมโรงพยาบาลในการเยี่ยมบ้าน การสนับสนุนหลังเวลาทำการ และความสามารถในการติดตามระยะไกลทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง สิ่งนี้ทำให้โรงพยาบาลมีความยืดหยุ่น พร้อมด้วยกำลังคนที่ได้รับการฝึกอบรมมาเพียงพอตามความจำเป็น ดร. Wong Jiayi ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของ Minmed Group กล่าว ด้วยทีมงานมืออาชีพด้านการดูแลที่ได้รับการฝึกอบรมและโซลูชันการตรวจสอบที่ใช้เทคโนโลยี Speedoc

สามารถรองรับเตียงเสมือนได้มากถึง 80 เตียงในคราวเดียว ดร. Shravan Verma ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอกล่าว โครงการโรงพยาบาลเสมือนจริง H-Ward® ของบริษัทประสบความสำเร็จในการจำหน่ายผู้ป่วยได้มากกว่า 7,000 ราย โดยมีส่วนช่วยในระบบการรักษาพยาบาลสาธารณะของสิงคโปร์เป็นเวลากว่า 35,000 วันนอน

สุขภาพ

รู้หรือไม่ 3 อาหารที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราลดลง

การที่เรามีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีและแข็งแรง ในสมัยปัจจุบันนี้ถือมีความสำคัญและจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของเราเป็นอย่างมาก เพราะหากระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงก็จะทำให้สุขภาพร่างกายของเราแข็งแรงไปด้วยเพื่อที่จะลดโอกาสเสี่ยงต่อการ เป็นโรคร้ายต่างๆได้ง่าย

เพราะในสมัยปัจจุบันนี้ โรคร้ายอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อและอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีรวมไปจนถึงระบบภูมิคุ้มกัน แต่ทว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีพฤติกรรมการทำลายสุขภาพร่างกายของตนเอง

โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งแน่นอนว่า อาจเกิดขึ้นได้จากการเลือกรับประทานอาหารบางประเภท

เพราะโดยปกติแล้ว อาหารในสมัยนี้ ก็อาจจะมีทั้งมีประโยชน์ต่อร่างกายหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายซึ่งคนส่วนใหญ่อาจจะมองข้ามในส่วนนี้ไป ฉะนั้น สำหรับใครที่อยากเสริมสร้างความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อเป็นหนึ่งในเกราะป้องกันสุขภาพร่างกายของเรา

วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่าจะมีอาหารประเภทไหนกันบ้างนั้นที่อาจเป็นตัวทำลายระบบภูมิคุ้มกัน เผื่อว่าจะช่วยให้หลายๆคนนั้นสามารถหลีกเลี่ยงและเลือกรับประทานอาหารได้อย่างเหมาะสม

1.น้ำตาล ถือเป็นหนึ่งในอาหารที่หลายๆคนเลือกทานกันเยอะมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีรสชาติหวาน เรียกได้ว่าเป็นรสชาติที่โปรดปรานสำหรับใครหลายๆคนเป็นอย่างมากรู้หรือไม่ว่าการที่เราเลือกบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยน้ำตาลสูงนั่นอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันของเราได้ ซึ่งอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราลดลงอีกทั้งยังอาจทำให้ร่างกายของเราไม่แข็งแรงและเสียงต่อการเป็นโรคร้ายต่างๆได้ง่ายอีกด้วย

2.อาหารทอด เป็นอีกหนึ่งอาหารที่หลายๆคนนั้นชื่นชอบและโปรดปรานกันเป็นอย่างมาก รู้หรือไม่ว่าอาหารทอดทอดมันมัน นอกจากจะเป็นอาหารที่อาจทำให้ไขมันในร่างกายของเราสะสมเยอะ ยังอาจเป็น

หนึ่งในอาหาร ที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของเราให้ลดลงได้ อีกทั้งยังทำให้คนส่วนใหญ่นั้นอ้วนได้ง่ายอีกด้วย

3.เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง ถึงแม้ว่าเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยคาเฟอีน จะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีประโยชน์เพราะสามารถกระตุ้นระบบประสาทของเราให้ตื่นตัว และทำให้ร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่รู้หรือไม่ว่า ยิ่งเราดื่มมากแค่ไหนก็ยิ่งเป็นการทำร้ายสุขภาพร่างกายของตนเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบภูมิคุ้มกัน เพราะการที่เราเลือกดื่มเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยคาเฟอีนสูง จะตอบสนองต่อการอักเสบของร่างกายจึงมีส่วนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราลดลงนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย เครื่องช่วยฟังราคาถูก

สุขภาพ

การออกกำลังกายช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตของเราได้อย่างไร

เนื่องจากการออกกำลังกายในสมัยปัจจุบันนี้เป็น หนึ่ง ในกิจกรรมที่สามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยนี้มักที่จะเริ่มต้นหันมาดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

เพราะไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทไหนก็ตามหากเรามันเล่นเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ขอบอกเลยว่า ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงให้แก่เราได้

แต่ยังเป็น หนึ่ง ในตัวช่วยในการบรรเทาความเครียดและช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตของเราให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักที่จะมีความกดดันในการใช้ชีวิตหรือมีความวิตกกังวลมีความเครียด จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องผ่อนคลายและ ไม่ทำให้ตนเอง

นั้นเครียดจนเกินไปเพราะอาจจะยิ่งส่งผลกระทบต่อร่างกาย ฉะนั้น การออกกำลังกายจึงถือเป็น หนึ่ง ในกิจกรรมที่เรียกได้ว่านอกจากจะช่วยบรรเทาความเครียดได้แล้วยังสามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายของเราได้

ดังนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าการออกกำลังกายเป็นประจำนั้นสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตของเราได้  เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก    อย่างไรกันบ้างไปดูกันเลย

  • ช่วยปรับปรุงการนอนหลับได้

แน่นอนว่าการออกกำลังกายเป็นประจำนั้นจะไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายได้แต่ยังเป็น หนึ่ง ในตัวช่วยดีๆที่นอกจากจะช่วยบรรเทาความเครียดยังทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายช่วยกระตุ้นการนอนหลับของเราให้มีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น ยิ่งถ้าใครมีความเครียดหรือมีความกดดันการที่เราได้ออกกำลังกายและทำให้ตนเองรู้สึกผ่อนคลายถือเป็น หนึ่ง ในตัวช่วยดีๆที่จะทำให้การนอนหลับของเราง่ายและมีประสิทธิภาพ

  • ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า การออกกำลังกายเป็นประจำนั้นจะสามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่กล้ามเนื้อหรือร่างกายของเราได้ ยิ่งถ้าใครมีความเครียดมากๆขอบอกเลยว่าหากเราหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม จะสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และสามารถส่งเสริมสุขภาพจิตของเราให้ดีขึ้นได้นั่นเอง

  • ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้

เนื่องจากการออกกำลังกายจะสามารถทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้จึงถือเป็น หนึ่ง ในวิธีที่หลายๆคนนั้นมักที่จะนำมาจัดการกับความเครียดที่มีอยู่ เพราะถ้าหากเราไม่เครียดเราก็จะมีความมั่นใจในตนเองมากยิ่งขึ้นทำให้เรากล้าตัดสินใจกล้าที่จะใช้ชีวิตจึงสามารถช่วยทำให้สุขภาพจิตของเรานั้นดีได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

รับรองได้เลยว่าหากเราออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนั้นจะไม่เพียงแต่ได้รูปร่างหรือร่างกายที่ดีแต่ยังได้สุขภาพจิตที่ดีขึ้นอีกด้วย