สุขภาพ

เสมหะ สามารถบ่งบอกว่าเราเป็นโรคอะไรได้บ้าง

เสมหะ (phlegm) คือสารที่ร่างกายผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยในการป้องกันและดักจับสิ่งแปลกปลอมที่อาจเข้าสู่ทางเดินหายใจ เสมหะเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายซึ่งช่วยป้องกันการติดเชื้อในปอดและทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตาม  คาสิโน เวียดนาม ฮานอย    การมีเสมหะในปริมาณมากหรือเสมหะที่มีลักษณะผิดปกติอาจบ่งบอกถึงการมีปัญหาสุขภาพหรือโรคบางชนิด

  1. โรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่

หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการมีเสมหะคือการติดเชื้อไวรัสเช่นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ไวรัสเหล่านี้จะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันผลิตเสมหะเพื่อดักจับไวรัสและป้องกันไม่ให้มันแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เสมหะที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสมักจะมีสีใสหรือขาว

 

  1. หลอดลมอักเสบ

โรคหลอดลมอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อหรือการระคายเคืองในหลอดลม ทำให้เกิดการผลิตเสมหะเพิ่มขึ้นในปอดและทางเดินหายใจ เสมหะอาจมีสีเหลืองหรือเขียว ซึ่งบ่งบอกถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย

 

  1. ปอดบวม

ปอดบวมเกิดจากการติดเชื้อในเนื้อเยื่อปอด และมักมาพร้อมกับการมีเสมหะ เสมหะที่เกิดจากปอดบวมอาจมีลักษณะข้น สีเหลืองหรือเขียว และในบางกรณีอาจมีเลือดปน

 

  1. ภูมิแพ้

การแพ้สารก่อภูมิแพ้เช่นฝุ่น เกสรดอกไม้ หรือขนสัตว์ สามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิตเสมหะเพิ่มขึ้นได้ เสมหะจากภูมิแพ้มักจะเป็นสีใสและอาจมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ เช่นจาม คันตา และน้ำมูกไหล

 

  1. โรคหืด (Asthma)

ผู้ป่วยที่เป็นโรคหืดมักมีอาการไอและหายใจลำบาก ซึ่งมักมาพร้อมกับการมีเสมหะในปอด การอักเสบของหลอดลมทำให้หลอดลมหดตัวและผลิตเสมหะมากขึ้น เสมหะจากโรคหืดมักเป็นสีขาวและข้น

 

  1. โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)

โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังเป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบของปอดเรื้อรัง ซึ่งมักเกิดจากการสูบบุหรี่หรือการสัมผัสกับสารพิษในสิ่งแวดล้อม ผู้ป่วยโรคนี้มักจะมีการผลิตเสมหะมากเกินไป ซึ่งเสมหะอาจมีสีขาว ข้น หรือในบางกรณีอาจเป็นสีเหลืองหรือเขียว

 

  1. โรคมะเร็งปอด

ในบางกรณี การมีเสมหะมากผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงเช่นมะเร็งปอด เสมหะอาจมีลักษณะสีชมพูหรือมีเลือดปน เนื่องจากเนื้องอกในปอดสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองและทำให้เลือดออกได้

 

  1. การระคายเคืองจากสารเคมีหรือการสูบบุหรี่

การสัมผัสกับสารระคายเคืองในสิ่งแวดล้อม เช่นควันบุหรี่หรือสารเคมีที่มีการระเหย สามารถกระตุ้นให้ทางเดินหายใจผลิตเสมหะมากขึ้นได้ ซึ่งเสมหะอาจมีสีขาวหรือสีเทา

 

การป้องกันและการดูแลตัวเอง

หากการมีเสมหะเกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสเช่นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ การดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนเพียงพอสามารถช่วยให้ร่างกายขับเสมหะออกมาได้ดีขึ้น การใช้ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้แพ้บางชนิดอาจช่วยลดการผลิตเสมหะได้ แต่หากเสมหะมีสีเขียว เหลือง หรือมีเลือดปน หรือมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่นไข้สูง เจ็บหน้าอก หรือหายใจลำบาก ควรไปพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

สุขภาพ

โรคหลงตัวเอง โรคนี้ทำลายความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอย่างไร

โรคหลงตัวเอง  เป็นโรคทางบุคลิกภาพที่มีลักษณะการรักตัวเองและมองเห็นตัวเองในแง่ดีเกินกว่าความเป็นจริง ผู้ที่เป็นโรคนี้มีความต้องการการชื่นชมอย่างมากและมักจะขาดความสามารถในการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (empathy)

ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดปัญหาในความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง โรคนี้ทำลายความสัมพันธ์อย่างเป็นรูปธรรมในหลายด้าน ดังนี้

 

  1. การเห็นตัวเองเหนือกว่าผู้อื่น 

ผู้ที่เป็นโรคหลงตัวเองมักจะมีความเชื่อว่าตนเองมีความสามารถพิเศษ หรือสมควรได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าคนอื่น ซึ่งส่งผลให้พวกเขามีความคาดหวังที่สูงเกินไปในความสัมพันธ์ เช่น การต้องการความสนใจหรือการยกย่องจากผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง เมื่อความคาดหวังเหล่านั้นไม่เป็นจริง ผู้ป่วยมักจะโกรธหรือผิดหวังในตัวผู้อื่น ทำให้เกิดความขัดแย้งในความสัมพันธ์

 

  1. ขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น  

ความเห็นอกเห็นใจเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี คนที่มีโรคหลงตัวเองมักจะขาดความสามารถในการเข้าใจหรือใส่ใจความรู้สึกและความต้องการของคนอื่น การขาด empathy ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถสนับสนุนหรือเป็นผู้ฟังที่ดีต่อคนรอบข้างได้ การขาดความเข้าใจและการใส่ใจต่อผู้อื่นนี้ทำให้ความสัมพันธ์เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้ที่อยู่รอบตัวรู้สึกว่าไม่ได้รับการสนับสนุนหรือการดูแลทางอารมณ์ที่พวกเขาต้องการ

 

  1. การใช้ความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว  

คนที่เป็นโรคหลงตัวเองมักจะมองความสัมพันธ์ในแง่ของการหาประโยชน์ พวกเขามักใช้ความสัมพันธ์เพื่อให้ตนเองได้รับสิ่งที่ต้องการ เช่น ความชื่นชม ผลประโยชน์ทางการเงิน หรือการยกย่อง การกระทำนี้ทำให้ความสัมพันธ์กลายเป็นเพียงเครื่องมือในการเติมเต็มความต้องการของผู้ป่วยเท่านั้น เมื่อคนรอบข้างรู้สึกว่าตนเองถูกใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว พวกเขามักจะรู้สึกผิดหวังและถอยห่างจากความสัมพันธ์

 

  1. การขาดความรับผิดชอบในการกระทำของตนเอง  

คนที่มีลักษณะหลงตัวเองมักจะไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเองและชอบโทษคนอื่นเมื่อเกิดปัญหาในความสัมพันธ์ การขาดความสามารถในการรับผิดชอบนี้ทำให้การสื่อสารในความสัมพันธ์เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะผู้ป่วยจะไม่ยอมฟังหรือปรับตัวเพื่อแก้ไขปัญหา เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ผู้ป่วยมักจะหลีกเลี่ยงการแก้ไขและพยายามเบี่ยงเบนความผิดพลาดไปยังคนอื่น ส่งผลให้ความสัมพันธ์เกิดความตึงเครียด

 

  1. การบังคับควบคุมและข่มขู่  

ผู้ป่วยโรคหลงตัวเองมักจะใช้วิธีการบังคับควบคุมความสัมพันธ์เพื่อให้ตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ เช่น การข่มขู่ทางอารมณ์หรือการกดดันคนรอบข้างให้ทำตามที่ตนเองต้องการ พฤติกรรมนี้ทำให้ความสัมพันธ์ขาดความสมดุลและทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดรู้สึกไม่มีความสุขหรือรู้สึกว่าถูกควบคุม

 

โดยรวมแล้ว โรคหลงตัวเองเป็นโรคที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ เนื่องจากผู้ป่วยมักจะไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่มีความเข้าใจและความเคารพต่อกันได้

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้ความสัมพันธ์ทั้งกับเพื่อน ครอบครัว และคู่รักมีโอกาสสูงที่จะพังทลาย นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะไม่รู้สึกว่าตนเองมีปัญหา ซึ่งทำให้การรักษายิ่งซับซ้อน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    hoiana เวียดนาม

สุขภาพ

สัญญาณเตือนว่าของกินของคุณบูดแล้ว

สัญญาณเตือนว่าของกินของคุณบูดแล้ว เมื่อช่วงนี้  ผู้สูงอายุควรใช้เครื่องช่วยฟังแบบไหน    คนมักกักตุนอาหารเป็นส่วนมาก มีการเก็บ สะสมของกินเอาไว้ภายในหลายๆชนิด โดยบางทีอาจลืมไปว่าของกินที่เก็บไว้ภายในได้โอกาสบูด หรือเสีย

ซึ่งของกินบางจำพวกบางครั้งก็อาจจะพินิจยากหน่อยว่าของกินจำพวกนั้นบูด หรือเสียแล้ว มาเช็กกันเลยดีกว่ามีสัญญาณอะไรบ้างที่ชี้ว่าของกินนั้นเสียแล้ว

  1. มูก อาหารสำเร็จรูป เนื้ออบ ผัก อื่นๆอีกมากมาย ถ้าหากมีเงาหรือมีความคิดว่าของกินนั้นแฉะ มีมูก โน่นเป็นสัญญาณบอกอปิ้งหนึ่งว่าของกินนั้นเสีย หรือหมดอายุ

 

  1. เชื้อรา เป็นสัญญาณเตือนแรกๆว่าของกินนั้นบูด แนวทางพินิจกล้วยๆเป็นให้ทดลองสังเกตการณ์เริ่มขึ้นของเชื้อราที่อาจเริ่มต้นจากจุดเล็กๆแล้วก็แพร่อย่างเร็วไปจนกระทั่งทั่ว โดยเหตุนี้เมื่อมองเห็นเพียงแค่จุดเริ่มแรกของเชื้อราคุณก็ควรจะทิ้งของกินพวกนั้นไปได้แล้ว นอกเหนือจากนั้นควรรอบคอบเนื่องจากภาชนะที่ใส่อย่างพลาสติก หรือแก้วเองก็บางทีอาจเป็นที่หลบของเชื้อราได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามตูดแก้ว ซอกมุมต่างๆ
  2. สี ที่เปลี่ยนไป การเปลี่ยนสีบางทีอาจไม่ใช่สัญญาณของการบูดเน่าเสมอ ด้วยเหตุว่าของกินบางประเภทเมื่อโดนอากาศก็จะเปลี่ยนสี ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายและก็ความปลอดภัย แม้กระนั้นอย่างไรก็ดีถ้าหากดูของกินบางจำพวกอย่าง ผัก มีการเปลี่ยนสีก็สามารถทิ้งลงในถังขยะได้เลย แต่ว่าสำหรับเนื้อสัตว์ดิบที่อยู่ในตู้แช่เย็นก็บางทีอาจเปลี่ยนสีได้ ด้วยเหตุดังกล่าวตราบเท่าที่มันยังไม่มีมูกก็ยังสามารถเอามาปรุงอาหารได้อยู่

 

  1. กลิ่นไม่ดี อย่างถ้าเกิดนมบูด จะมีกลิ่นหืน สิ่งนี้คุณสัมผัสได้ แต่การสูดดมผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ที่บูดเน่าแล้ว ถ้ามีกลิ่นไม่ดี อย่าเสี่ยงที่จะกินเลยดียิ่งกว่า

 

  1. ผิวข้างนอกแปลง นี่เป็นข้อคิดเห็นที่ใช้ได้กับผัก ผลไม้ ถ้าหากผิวข้างนอกนุ่ม มีรอยยุบหรือเว้า บางทีอาจไม่จำเป็นที่ต้องเก็บเอาไว้ นอกเหนือจากนั้นผลไม้ที่ผิวมีรอยย่นก็ไม่สมควรเก็บไว้ สำหรับผลไม้บางชนิดอย่างลูกแอปเปิ้ลกลายเป็นสีน้ำตาล กล้วยนุ่มลง พวกเราบางทีอาจนำไปอบของหวานได้ ความเคลื่อนไหวของเนื้อสัมผัสยังดูได้จากสินค้านมที่จะจับตัวกันจบกลายเป็นก้อนเมื่อบูด เหมือนกับชีสเนื้อจะเริ่มเฉอะแฉะ และก็เสนอแนะว่าชีสนุ่มจะเน่าเร็วกว่าชีสแข็ง

 

  1. การฟรีชถูกทำลาย ของกินแช่แข็ง แม้คุณสังเกตว่ามีการแตกออกของน้ำแข็งที่ปกคลุม โน่นอาจจะเป็นผลให้ทำให้เกิดผลเสียและไม่ดีต่อรสของเนื้อ หรือของกินพวกนั้น นอกจากนี้แบคทีเรียยังสามารถเข้าไปด้านในได้แม้ว่าจะมีการแช่แข็ง
สุขภาพ

เสื้อผ้ากับการช็อปปิ้ง

การช็อปปิ้งสำหรับเสื้อผ้าสามารถเป็นประสบการณ์ที่สนุกและน่าเพลิดเพลินได้มาก เมื่อคุณได้เดินทางไปยังร้านค้าหรือศูนย์การค้าต่าง ๆ คุณสามารถสำรวจสินค้าต่าง ๆ และเลือกสิ่งที่คุณชอบ อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะพบกับสไตล์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจด้วย

การเตรียมตัวก่อนการช็อปปิ้งเสื้อผ้าก็สำคัญเช่นกัน คุณสามารถวางแผนล่วงหน้าเกี่ยวกับสไตล์หรือสินค้าที่คุณสนใจ เช่น ชนิดของเสื้อผ้าที่คุณต้องการ (เช่น เสื้อยืด กางเกงยีนส์ กระโปรง เป็นต้น) หรือแม้กระทั่งตั้งเป้าหมายการซื้อสินค้าที่คุณต้องการในงานนั้น ๆ

นอกจากนี้ การช็อปปิ้งออนไลน์ก็เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่สะดวกและมีความหลากหลายสินค้าให้เลือกมากมาย คุณสามารถเรียกดูสินค้า ตรวจสอบขนาด และทำการสั่งซื้อโดยไม่ต้องออกจากบ้าน แต่อย่าลืมตรวจสอบขนาดและเนื้อผ้าของสินค้าอย่างรอบคอบก่อนทำการสั่งซื้อเพื่อให้แน่ใจว่ามันเหมาะกับคุณ

ในการเลือกซื้อสินค้า คุณควรพิจารณาสไตล์ของตัวเองและวัตถุประสงค์การใช้งาน นอกจากนี้ยังควรพิจารณาเรื่องราคา คุณภาพ และความสะดวกสบายของสินค้าด้วย

 

มีแหล่งช็อปปิ้งเสื้อผ้าของไทยที่น่าสนใจมากมายครับ! นี่คือบางที่ที่คุณอาจสนใจ

  1. ตลาดนัดรถไฟ รัชดา (ตลาดนัดรถไฟ สยาม): ตลาดนี้เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่มีทั้งเสื้อผ้ามือสองและสินค้าแฟชั่นระดับพรีเมียม มีหลากหลายสไตล์และราคาที่คุ้มค่ามาก คุณสามารถหาเสื้อผ้าแฟชั่นที่ไม่เจอที่อื่นได้ที่นี่
  2. ช็อปปิ้งเมเจอร์ (Shopping Mall): ที่สุดของช้อปปิ้งสำหรับแฟชั่นที่ดีในกรุงเทพฯ มีหลายแบรนด์แฟชั่นชั้นนำจากทั่วโลกและแบรนด์ไทยที่มีคุณภาพ อย่าลืมเช็กเว็บไซต์เพื่อดูโปรโมชั่นและส่วนลดก่อนไปช็อปปิ้ง
  3. เสื้อผ้าแฟชั่นไทยผสมผสาน (Thai Fusion Fashion): ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นไทยที่ผสมผสานสไตล์และวัฒนธรรมไทยกับสไตล์โลกที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เหล่านี้สร้างผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์
  4. ตลาดนัดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ตลาดนัดท่ามหาราช): ตลาดนี้มีร้านค้าหลายร้อยร้านที่ขายสินค้าแฟชั่นที่สร้างสรรค์และมีความเป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการค้นหาสิ่งใหม่ ๆ และค้นพบสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร
  5. สุดยอดแหล่งช็อปปิ้งในที่นอกกรุงเทพฯ: นอกจากกรุงเทพฯแล้ว ยังมีแหล่งช็อปปิ้งเสื้อผ้าที่น่าสนใจในเมืองอื่น ๆ ของประเทศ เช่น เชียงใหม่ ซึ่งมีตลาดนัดคาเฟ่อาร์ตและตลาดนัดวัฒนธรรม ฯลฯ

 

สำหรับในสังคมปัจจุบัน ช่องทางในการช็อปปิ้งเสื้อผ้านั้นมีหลากหลาย ไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น เราสามารถช็อปปิ้งเสื้อผ้าจากต่างประเทศมาสวมใส่ได้อีกด้วย ท้ายที่สุด การช็อปปิ้งเสื้อผ้าคือโอกาสที่ดีที่จะสนุกไปกับสไตล์ของตัวเอง อย่าลืมให้ความสำคัญกับความสนุกและความเพลิดเพลินในขณะที่คุณเลือกซื้อสินค้านั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย    หูตึงรักษา

สุขภาพ

ผลดีและผลเสียของพริกน้ำปลา 

น้ำพริกน้ำปลา เป็นเครื่องปรุงรสแบบไทยที่นิยมใช้กันมากในอาหารไทย ประกอบด้วยน้ำปลาเป็นส่วนผสมหลักและมักจะมีส่วนผสมอื่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติ โดย  ทัวร์คาสิโนเวียดนาม   ทั่วไปจะประกอบไปด้วย

  1. น้ำปลา: เป็นส่วนผสมหลักที่ให้รสเค็ม
  2. พริกขี้หนู: เพื่อเพิ่มความเผ็ด
  3. น้ำมะนาว: เพิ่มความเปรี้ยวและกลิ่นหอมสดชื่น
  4. กระเทียม: เพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม
  5. น้ำตาล: เพิ่มความหวานเล็กน้อยเพื่อตัดกับรสเค็มและเปรี้ยว

 

น้ำพริกน้ำปลาสามารถนำไปใช้ทำได้หลายอย่าง เช่น:

– ใช้เป็นเครื่องปรุงรสเพิ่มความเผ็ดและเค็มในอาหารต่างๆ เช่น ข้าวผัด ผัดไทย ต้มยำ

– ใช้เป็นน้ำจิ้มสำหรับอาหารทอดหรือนึ่ง เช่น ปลาทอด ไก่ทอด

– ใช้เป็นส่วนผสมในการหมักเนื้อสัตว์เพื่อเพิ่มรสชาติ

น้ำพริกน้ำปลาเป็นเครื่องปรุงรสที่ทำให้อาหารไทยมีรสชาติเข้มข้นและกลมกล่อม

 

การกินอาหารกับพริกน้ำปลามีประโยชน์หลายประการ ดังนี้:

  1. เพิ่มรสชาติ: พริกน้ำปลาช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร ทำให้อาหารมีรสชาติเผ็ดและเค็ม เพิ่มความอร่อยในการรับประทานอาหาร
  2. กระตุ้นการเจริญอาหาร: ความเผ็ดของพริกและความเค็มของน้ำปลาสามารถกระตุ้นการเจริญอาหาร ทำให้เรารับประทานอาหารได้มากขึ้น
  3. เสริมสร้างระบบย่อยอาหาร: พริกมีสารแคปไซซิน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร เพิ่มการหลั่งน้ำลายและน้ำย่อย
  4. ประโยชน์ทางสุขภาพ: พริกมีสารแอนติออกซิแดนต์ที่ช่วยลดการอักเสบและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน น้ำปลามีโปรตีนและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
  5. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ: การรับประทานพริกน้ำปลาสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้

อย่างไรก็ตาม การรับประทานพริกน้ำปลาควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากการบริโภคเกลือในปริมาณมากอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ความดันโลหิตสูง และโรคไตได้

 

การกินพริกน้ำปลาอาจทำให้เกิดผลเสียบางอย่างได้ เช่น

  1. กระจายร้อนในกระเพาะอาหาร: พริกสามารถกระตุ้นให้กระเพาะอาหารรู้สึกร้อนได้ ซึ่งอาจทำให้มีอาการแสบร้อนในท้อง หรือคลื่นไส้เกิดขึ้นได้
  2. เกิดแผลในกระเพาะอาหาร: การกินพริกน้ำปลาอาจทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองและเกิดแผลได้ สำหรับบางคนที่กระเพาะอาหารบอบบางหรือมีปัญหาเรื่องกระเพาะ
  3. การแพ้: บางคนอาจมีการแพ้ต่อส่วนผสมในพริกหรือน้ำปลา ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการผิวแพ้ หรืออาการปวดท้องเกิดขึ้นได้
  4. ปริมาณโซเดียมสูง: น้ำปลามีรสเค็ม การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้ปริมาณโซเดียมในร่างกายสูงขึ้น ซึ่งอาจเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงได้

การกินพริกน้ำปลาเป็นเรื่องของความสมดุลทางอาหารด้วย หากมีอาการแสบร้อนหรือปัญหาทางท้อง ควรลดปริมาณการบริโภคหรือหลีกเลี่ยงไปชั่วคราวก่อนครับ

สุขภาพ

เรื่องของสุขภาพจิต

การดูแลสุขภาพจิตเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อนและแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่มีบางขั้นตอนที่สามารถช่วยให้คุณมีสุขภาพจิตที่ดีได้ดังนี้:

  1. รับรู้และตระหนักถึงความรู้สึกของคุณ: ลองให้เวลาและพิจารณาความรู้สึกของคุณอย่างสม่ำเสมอ มันสำคัญที่จะรับรู้ถึงอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตัวเราเพื่อที่จะสามารถจัดการกับมันได้อย่างเหมาะสม
  2. ออกกำลังกาย: การออกกำลังกายมีผลต่อสุขภาพจิตเช่นกัน มันช่วยลดความเครียดและเสริมสร้างความสมดุลทางจิตใจ
  3. ดูแลสุขภาพร่างกาย: สุขภาพจิตและร่างกายมีความสัมพันธ์กันอย่างแนบเนียน การดูแลร่างกายอย่างดีจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตด้วย
  4. ตั้งเป้าหมาย: การตั้งเป้าหมายที่มีความท้าทายและเป็นไปได้ในชีวิตช่วยให้คุณมีวัตถุประสงค์และการดำเนินการที่ช่วยส่งเสริมความสุขภาพจิต
  5. พักผ่อนและผ่อนคลาย: การให้เวลาสำหรับการพักผ่อนและการผ่อนคลายมีความสำคัญ เช่นการทำสมาธิ การอ่านหนังสือ หรือกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์
  6. รับความช่วยเหลือ: หากคุณรู้สึกทุกข์ใจหรือไม่สามารถจัดการกับความเครียดได้ด้วยตนเอง อย่าละเมิดการค้นหาความช่วยเหลือจากบุคคลที่เหมาะสม เช่น ผู้ให้คำปรึกษาทางจิตใจหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
  7. สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนสุขภาพจิตของคุณได้
  8. ให้ความสำคัญกับเวลาส่วนตัว: ทำกิจกรรมที่ทำให้คุณมีความสุขและเติมพลังใหม่ เช่น งานอดิเรก การท่องเที่ยว หรือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

การมีสุขภาพจิตที่ดีมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อมัน นี่คือบางขั้นตอนที่อาจช่วยให้คุณมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น:

  1. ดูแลสุขภาพร่างกาย: การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมและมีประโยชน์ การหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ร่างกายเครียด เช่น การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปหรือการสูบบุหรี่ จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจมีความสมดุล
  2. เรียนรู้เทคนิคการจัดการสตรีส: การเรียนรู้เทคนิคการจัดการสตรีส เช่น การหาวิธีที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา การวางแผนการทำงาน และการใช้เทคนิคการลดความเครียด เป็นต้น จะช่วยให้คุณมีความสามารถในการจัดการกับสถานการณ์ที่ท้าทายได้ดีขึ้น
  3. รับรู้และให้ค่าความรู้สึก: การเข้าใจความรู้สึกของตนเองและคนรอบข้าง การให้ความเข้าใจและสนับสนุนกันในความรู้สึก จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเป็นกำลังใจในชีวิตประจำวัน
  4. รักษาความสัมพันธ์ที่ดี ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือคู่สมรส มีบทบาทสำคัญในการสร้างความสุขและความสบายใจ
  5. พักผ่อนและนำเสนอตัวเอง: การให้เวลาให้กับตัวเองเพื่อพักผ่อน การทำกิจกรรมที่สนุกสนานและที่ชอบ เช่น การอ่านหนังสือ การฝึกโยคะ หรือการเรียนรู้งานศิลปะ ช่วยให้คุณรู้จักตนเองและรับรู้ความสุขในชีวิต
  6. ค้นหาความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น: หากคุณรู้สึกว่าคุณไม่สามารถจัดการกับปัญหาหรือความเครียดได้ด้วยตนเอง อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในสุขภาพจิตหรือหากคุณรู้สึกว่าคุณต้องการความสนับสนุนทางอารมณ์

การมีสุขภาพจิตที่ดีไม่ได้หมายความถึงการมีความสุขแบบไม่มีปัญหาเลย แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ การเจริญเติบโต และ  hoiana casino    การมีความสามารถในการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขและความสมดุล

สุขภาพ

โรคมะเร็งเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของมนุษย์

โรคมะเร็งเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของมนุษย์ โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย เนื่องจากมะเร็งเกิดจากการเกิดของเซลล์ที่เจริญเติบโตอย่างไม่ปกติ และมีความสามารถในการแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้

การรักษาโรคมะเร็งมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัดเอาเนื้อมะเร็งออก, การใช้รังสีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง, หรือการใช้ยาเคมีบำบัดเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง การเลือกวิธีรักษาขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประเภทของมะเร็ง, ขนาดของเซลล์มะเร็ง, และสถานะของโรค

นอกจากการรักษาโรคมะเร็งแล้ว การป้องกันก็มีความสำคัญ เช่น การรักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์, และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อค้นหาโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น

โรคมะเร็งเป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาได้ หากมีการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามขั้นตอนการรักษาที่เหมาะสม การรักษาโรคมะเร็งไม่เพียงแต่ช่วยรักษาโรคเท่านั้น แต่ยังช่วยลดโอกาสในการเสียชีวิตจากโรคร้ายอื่น ๆ อีกด้วย

อย่างไรก็ตามถ้าหากเราจะมีการพูดถึงเกี่ยวกับโรคมะเร็ง สำหรับในประเทศไทยนั้น โรคมะเร็งที่พบมากที่สุดคือมะเร็งเต้านม ซึ่งมีอัตราการเป็นโรคสูงมาก โดยมีการคัดกรองและรักษาโรคอย่างตรงเวลาเป็นสำคัญอย่างยิ่ง

สาเหตุของมะเร็งเต้านมส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในเต้านม ซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรมหรือปัจจัยสภาพแวดล้อม เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการทานอาหารที่มีไขมันสูง การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งเต้านมอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยในการตรวจจับโรคในระยะเริ่มต้นและเพิ่มโอกาสในการรักษาสำเร็จ

การรักษามะเร็งเต้านมมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อมะเร็ง การให้รังสีรักษา หรือการให้ยาเคมีบำบัด การเลือกวิธีรักษาขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้อเยื่อมะเร็ง ระยะของโรค และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

ดังนั้น  เครื่องช่วยฟังต้องใส่กี่ข้าง    การรับรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมและการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรทำ เพื่อลดโอกาสในการเป็นโรคมะเร็งและเพิ่มโอกาสในการรักษาสำเร็จในระยะเริ่มต้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไทยมีสถานที่ในการรักษาโรคมะเร็งที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูง ที่สามารถให้บริการด้านการรักษาและดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มรูปแบบโรงพยาบาลชั้นนำในประเทศไทยมักมีศูนย์รักษาโรคมะเร็งที่ทันสมัย ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและทีมแพทย์ที่ชำนาญ ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด เลเซอร์ เคมีบำบัด หรือรักษาด้วยยา

นอกจากนี้ ยังมีศูนย์วิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาที่สำคัญที่จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งในอนาคต

ดังนั้น สถานที่ในการรักษาโรคมะเร็งของไทยมีความสำคัญอย่างมากในการช่วยเสริมสร้างสุขภาพของประชาชน และเป็นการเด่นทางการแพทย์ที่ทำให้ไทยแสดงความเป็นเลิศในด้านการรักษาโรคมะเร็งในภูมิภาคและระดับโลก 

สุขภาพ

กินผลไม้ก่อนนอนได้ไหม หิวดึก ๆ อยากกินส้ม แอปเปิล อ้วนหรือเปล่า

การกินผลไม้ก่อนนอนเป็นเรื่องที่หลายคนสงสัยว่าส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อเกิดความหิวในช่วงดึก ๆ การเลือกกินผลไม้เช่นส้มและแอปเปิล อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่ก็มีคำถามว่าการกินผลไม้ก่อนนอนนั้นจะทำให้อ้วนหรือไม่

 ผลไม้และแคลอรี

ผลไม้โดยทั่วไปมีแคลอรีต่ำและเต็มไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหาร ทำให้เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม การกินผลไม้ก่อนนอนอาจทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับแคลอรีที่รับประทานเข้าสู่ร่างกาย หากคุณอยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนักหรือพยายามลดน้ำหนัก ควรระวังปริมาณแคลอรีที่ได้รับในแต่ละวัน แม้ว่าผลไม้จะมีแคลอรีต่ำ แต่การกินในปริมาณมาก ๆ ก็สามารถเพิ่มแคลอรีให้เกินกว่าที่ร่างกายต้องการได้

 

 ผลไม้และน้ำตาลธรรมชาติ

ผลไม้มีน้ำตาลธรรมชาติ เช่น ฟรุกโตส ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่ดีสำหรับร่างกาย แต่การกินผลไม้ก่อนนอนอาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นชั่วคราว แม้ว่าในทางทฤษฎี ร่างกายจะใช้พลังงานในระหว่างที่คุณนอนหลับ แต่หากรับประทานผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงในปริมาณมาก ๆ และไม่ได้ใช้พลังงานเพียงพอ น้ำตาลส่วนเกินอาจถูกแปลงเป็นไขมันสะสมในร่างกายได้ อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่เหมาะสมมักไม่ก่อให้เกิดปัญหาในการเพิ่มน้ำหนักมากนัก

 

ผลไม้ที่เหมาะสำหรับการกินก่อนนอน

ส้มและแอปเปิลเป็นผลไม้ที่เหมาะสมสำหรับการกินก่อนนอน ส้มมีวิตามินซีสูงและแอปเปิลมีใยอาหารที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นาน การกินผลไม้เหล่านี้ก่อนนอนสามารถช่วยบรรเทาความหิวและไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากนัก อย่างไรก็ตาม หากคุณมีปัญหากรดไหลย้อนหรือปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ควรระมัดระวังในการกินส้มก่อนนอน เนื่องจากความเป็นกรดของผลไม้ชนิดนี้อาจทำให้เกิดอาการไม่สบายได้

 การรับประทานอาหารในช่วงกลางคืน

การกินอาหารในช่วงดึก ๆ อาจมีผลต่อการนอนหลับ หากรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือมีแคลอรีสูงก่อนนอน อาจทำให้การนอนหลับไม่สงบ เนื่องจากร่างกายต้องทำงานในการย่อยอาหาร ซึ่งอาจส่งผลให้รู้สึกไม่สบายท้องหรือเกิดกรดไหลย้อน การเลือกกินผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำและไม่กรดจัด เช่น แอปเปิล อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการระงับความหิวโดยไม่กระทบต่อการนอนหลับ

การกินผลไม้ก่อนนอน เช่น ส้มและแอปเปิล เป็นทางเลือกที่ดีเมื่อคุณรู้สึกหิวในช่วงดึก ๆ หากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม จะไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากนัก และยังช่วยให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงหรือมีความเป็นกรดสูงมากเกินไป เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับการนอนหลับและสุขภาพทั่วไป

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ประสิทธิภาพการได้ยิน

สุขภาพ

ภาวะ การคลั่งการช็อปปิ้ง คืออะไร แและมักจะเกิดขึ้นกับใคร ส่งผลเสียอย่างไรบ้าง

ภาวะการคลั่งการช็อปปิ้ง หรือที่เรียกว่า “Shopping Addiction” หรือ “Compulsive Buying Disorder” เป็นสภาวะทางจิตใจที่บุคคลไม่สามารถควบคุมความอยากซื้อสินค้าได้ ถึงแม้ว่าจะไม่จำเป็นหรือไม่มีความสามารถทางการเงินในการซื้อสินค้าเหล่านั้นก็ตาม การซื้อของในลักษณะนี้จะไม่ถูกกระตุ้น

โดยความจำเป็นในการใช้สินค้า แต่จะเป็นผลจากความรู้สึกต้องการตอบสนองอารมณ์ หรือใช้การซื้อของเป็นวิธีหลีกเลี่ยงความเครียด ความเศร้า หรือความเบื่อหน่าย

 อาการและลักษณะของภาวะการคลั่งการช็อปปิ้ง

  1. ความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง: บุคคลนั้นจะมีความรู้สึกต้องการซื้อสินค้าหรือบริการอยู่เสมอ แม้ว่าจะไม่มีความจำเป็นในการใช้สินค้านั้นจริงๆ
  2. ความตื่นเต้นจากการซื้อสินค้า: การซื้อของทำให้รู้สึกตื่นเต้น และความตื่นเต้นนี้จะนำไปสู่การซื้อมากขึ้น โดยไม่มีการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบต่อการเงินหรือความจำเป็น
  3. การใช้การซื้อของเป็นวิธีระบายความเครียด: บุคคลมักจะซื้อของเพื่อบรรเทาความเครียด ความเศร้า หรือความเบื่อหน่าย
  4. ความรู้สึกผิดหลังจากการซื้อ: หลังจากการซื้อของ บุคคลมักจะรู้สึกผิด เสียใจ หรือรู้สึกว่าตนเองขาดความรับผิดชอบในการควบคุมตนเอง
  5. การสะสมหนี้สิน: บุคคลที่มีภาวะนี้มักจะสะสมหนี้สินจากการซื้อของที่ไม่จำเป็น และบางครั้งถึงขั้นทำให้ตนเองมีปัญหาทางการเงิน

 

ภาวะการคลั่งการช็อปปิ้งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศหรือวัยใดก็ตาม อย่างไรก็ตาม มักพบในกลุ่มคนดังต่อไปนี้:

  1. ผู้หญิง: การวิจัยพบว่าผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีภาวะการคลั่งการช็อปปิ้งมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากสังคมและวัฒนธรรมมักกระตุ้นให้ผู้หญิงสนใจในสินค้าแฟชั่นและความสวยงามมากขึ้น
  2. วัยรุ่นและวัยทำงาน: คนในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานมักเป็นกลุ่มที่มีภาวะการคลั่งการช็อปปิ้ง เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่ต้องการยืนยันตัวตนและภาพลักษณ์ในสังคม
  3. ผู้ที่มีความเครียดหรือภาวะซึมเศร้า: การซื้อของอาจถูกใช้เป็นวิธีระบายความเครียดหรือคลายความทุกข์ ทำให้ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าหรือเครียดมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะนี้

 

ภาวะการคลั่งการช็อปปิ้งสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตประจำวันของบุคคล เช่น:

  1. ปัญหาทางการเงิน: การซื้อของที่ไม่จำเป็นอย่างต่อเนื่องอาจทำให้บุคคลนั้นสะสมหนี้สินอย่างมาก จนกระทบต่อความสามารถในการจัดการเงินและก่อให้เกิดความเครียดเพิ่มขึ้น
  2. ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง: ภาวะนี้อาจนำไปสู่ปัญหาในความสัมพันธ์กับครอบครัวหรือเพื่อน เนื่องจากบุคคลนั้นอาจไม่สามารถจัดการการเงินของตนได้อย่างเหมาะสมและทำให้เกิดความขัดแย้ง
  3. ปัญหาทางจิตใจ: การซื้อของอาจเป็นการระบายความเครียดในระยะสั้น แต่จะทำให้บุคคลรู้สึกผิดและเศร้าหลังจากนั้น ทำให้เกิดวงจรของความเครียดและการซื้อของอย่างต่อเนื่อง

 

ภาวะการคลั่งการช็อปปิ้งเป็นปัญหาทางจิตใจที่สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตของบุคคล โดย  คาสิโน เวียดนาม ดานัง   เฉพาะทางด้านการเงินและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง การตระหนักถึงปัญหาและการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับภาวะนี้

สุขภาพ

น้ำส้มสายชูมีดีกว่าที่คุณคิด 

น้ำส้มสายชู   เป็นสิ่งที่คุณแม่บ้านทุกคนต้องมีติดครัวกันอย่างแน่นอนเนื่องจากว่าน้ำส้มสายชูนั้นมีประโยชน์อย่างมากมายซึ่งเราจะใช้ในการปรุงอาหารทำให้อาหารมีรสเปรี้ยวก็ได้หรือจะใช้น้ำส้มสายชูเพื่อเป็นส่วนผสมในการล้างทำความสะอาดผักก็ได้เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้คุณรู้หรือไม่ว่าน้ำส้มสายชูนั้นยังมีประโยชน์ในเรื่องของการทำความสะอาดคราบหินปูนต่างๆได้ด้วย

ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาแนะวิธีการใช้น้ำส้มสายชูขจัดคราบในการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆว่าเราสามารถนำน้ำส้มสายชูไปทำความสะอาดอะไรได้บ้าง 

สำหรับน้ำส้มสายชูแล้วหากเรานำไปปรุงอาหารก็จะสามารถรับประทานได้แต่ถ้าเรานำน้ำส้มสายชูไปผสมกับส่วนผสมอื่นๆเราก็จะสามารถแปรรูปของน้ำส้มสายชูให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำความสะอาดได้เช่นเดียวกัน

ยกตัวอย่างเช่นค่าหินปูนที่อยู่ในหม้อต้มกาแฟซึ่งโดยปกติแล้วเป็นคราบที่ทำความสะอาดได้ยากมากแต่ถ้าหากว่าเราต้องการที่จะทำความสะอาดสามารถทำได้ง่ายนิดเดียวเพียงแค่นำน้ำส้มสายชูเทลงไปในหม้อต้มกาแฟผสมกับน้ำเปล่า  โดยใช้อัตราส่วน 1:1 

หลังจากนั้นก็เปิดเครื่องทำกาแฟให้ทำงานตามปกติเมื่อน้ำในหม้อต้มกาแฟเดือดให้ถอดปลั๊กแล้วนำน้ำในหม้อต้มกาแฟมาเทออกคุณจะสังเกตเห็นได้เลยว่าคราบที่อยู่ในหม้อต้มกาแฟนั้นจะหายไป 

 

หลังจากนั้นให้เรานำหม้อต้มกาแฟไปล้างทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่งเพียงเท่านี้เหมาะสมกับกาแฟก็สามารถใช้งานได้ตามปกติและไม่เกิดคราบสกปรก  ซึ่งวิธีการทำความสะอาดนี้เราควรจะทำความสะอาดบ่อยๆเพื่อไม่ให้เกิดคราบฝังแน่น 

นอกจากน้ำส้มสายชูจะทำความสะอาดหม้อต้มกาแฟได้แล้วยังใช้เป็นส่วนผสมกับเบกกิ้งโซดาหรืออาจจะผสมกับน้ำมะนาวหรือจะผสมกับน้ำยาล้างจานเพื่อใช้ทำความสะอาดคราบฝังแน่นในห้องน้ำก็ได้เช่นเดียวกันซึ่งโดยปกติและวิธีการนี้ผู้คนมักจะนิยมทำกันเป็นอย่างมากเพราะไม่ส่งผลเสียต่อพื้นกระเบื้องนั่นเอง

นอกจากนี้ผู้คนยังใช้ประโยชน์จากน้ำส้มสายชูในการขจับคาบฝังแน่นในเสื้อผ้าซึ่งถ้าหากว่าเสื้อผ้าของใครเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลืองแล้ว

แล้วก็การใช้น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำยาซักผ้าแล้วนำผ้าสีเหลืองนั้นไปแช่เอาไว้ประมาณ 3-4 ชั่วโมงแล้วนำมาซักทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่งรับรองได้เลยว่าคุณจะได้เสื้อผ้าสีขาวกับมาอย่างแน่นอน 

อย่างไรก็ตามประโยชน์ของน้ำส้มสายชูนั้นยังมีอีกเยอะแยะมากมาย  ซึ่งคุณอาจจะคิดไม่ถึงโดยถ้าหากใครอยากจะทราบถึงวิธีการใช้น้ำส้มสายชูและประโยชน์ที่ได้จากน้ำส้มสายชูนอกเหนือจากนี้ก็สามารถค้นหาข้อมูลผ่านทาง Google ได้เช่นเดียวกันรับรองได้เลยว่าคุณจะต้องรู้สึกประหลาดใจกับความสามารถของน้ำส้มสายชูอย่างแน่นอน

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    สุขภาพหู